พระราชทานอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบจ่ายอากาศบริสุทธิ์ (PAPR) ชุด PPE และหน้ากาก N95 แก่โรงพยาบาลวังน้อย

 พระราชทานแคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบ แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 88,800,000.- บาท ถวายแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

 พระราชทานเงิน ๙๙,๙๐๐,๐๐๐ บาท เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวงและพระพันปีหลวง เพื่อตั้ง รพ.สนาม ศูนย์พักคอย และสถานที่กักตัว ทั่วประเทศ

 พระราชทานงบประมาณจาก “กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคระบาดต่างๆ )” จัดซื้อ “เครื่องออกซิเจน ไฮ โฟลว์” ให้แก่โรงพยาบาลบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร

 เล่าขาน พระลาน ตอน บ้านพระราชทาน

 เล่าขาน พระลาน ตอน เรื่องเล่าประทับใจ ลาวดวงเดือนถวายสมเด็จแม่

 พระราชทานเครื่องออกซิเจน ไฮ โฟลว์ และเครื่องผลิตออกซิเจน 10 ลิตร

 สารคดีเฉลิมพระเกียรติ ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด "ผ้าไทย"

 เล่าขาน พระลาน ตอน เรื่องเล่าประทับใจ ทรงอุ้มสมเด็จแม่

กิจกรรมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
หน้า  116  คลิ๊กหมายเลขหน้า เพื่อไปยังหน้าที่ท่านต้องการ
112113114115116117118119120

ภาพกิจกรรมพระราชกรณียกิจ ทั้งหมด

     เล่าขาน พระลาน ตอน เรื่องเล่าประทับใจ ทรงอุ้มสมเด็จแม่
     อีกหนึ่งเรื่องราวสุดซึ้ง เมื่อครั้ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงพระราชกรณียกิจกับ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นเรื่องเล่าจากข้าราชบริพาร หนึ่งในผู้ที่เคยเข้าถวายงานในฐานะช่างภาพ ที่เคยติดตามพระองค์ทั้งสอง ได้เผยแพร่ภาพผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Napan Sevikul (ผู้ที่เคยเข้าถวายงานในฐานะช่างภาพ) พร้อมด้วยเรื่องเล่าว่า

     “ตามเสด็จฯ มีสนุกบ้างไหม?” ถ้า “มีความสุข” ละก็ ตอบเลย ว่าทุกเวลานาที แต่ถ้าสนุก ซึ่งมักเป็นประสบการณ์ที่จดจำไม่มีวันลืม ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน เช่น บ่ายวันหนึ่ง มีขบวนสมเด็จพระนางเจ้าฯ ตามหมายว่าเสด็จฯพระองค์เดียว โดยผู้ติดตามขบวน ได้การบอกเล่าแล้วว่า “เปียก” เพราะ “จะเสด็จฯ ตรวจป่า” (มีพระราชประสงค์ไปทอดพระเนตรพันธุ์ไม้แปลกๆ ในป่าพรุ เช่น หมากแดง หมากช้างร้อง หลาวชะโอน เฉพาะอย่างยิ่งย่านลิเพา)

     เปียกก็คือเปียก ..เปียกอยู่บ่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติของเมือง “ฝนแปด ..แดดสี่” อย่างนราธิวาส (คิดเอง) แต่ “เปียก” วันนั้น ไม่เหมือนวันอื่น และ “เสด็จฯ ตรวจป่า” ก็ไม่ใช่ป่าเขาตันหยง หลังพระตำหนัก แต่เป็น “ป่าพรุ” ที่จนถึงวันนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าพรุไหน? แต่เส้นทาง มีแต่การลุยน้ำตั้งแต่ระดับเข่า ..ไปจนถึงระดับคอ ขบวนรถ แล่นไปถึงขอบพรุ ก็ลงเดิน ย่ำน้ำ .. เสียงคุยกันแต่แรกก็ชักจะเงียบ เพราะป่าพรุนั้น เดินเข้าไปก้าวเดียว แสงก็มืดแล้ว ..?

     เสียงตบยุง เสียงตีแมลง ดังขึ้นเป็นระยะๆ .. เช่นเดียวกับความลึกของน้ำ ที่มีน้ำใสก็แต่ผิวๆ ต่ำลงไปศอกเดียวก็เป็นโคลนเหนียวหนึบที่เกิดจากการทับถมของใบไม้นับร้อย นับพันปี .. เสื้อผ้า เริ่มเปียก เสียงหัวเราะ มีเป็นครั้งคราว เพราะหลายคน เริ่มสูญเสียรองเท้าไปกับเลน ที่ชักขึ้นมาได้แต่เท้าเปล่า ไปได้สักพัก ก็เปียกปอนกันถ้วนทั่วทุกคน ผู้ที่วางแผนดีก็อาจจะเปียกน้อยหน่อย เพราะไต่เอาตามต้นไม้ล้มที่มีเป็นระยะๆ .. แต่ก็ไม่ค่อยรอดหรอก .. เพราะบางทีก็เห็นลื่นลงน้ำไปทั้งตัว

     เจ้านาย ก็เปียกเท่าข้าราชบริพารนั่นแหละ แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ รับสั่งอย่างภาคภูมิใจว่า พระองค์ท่าน เปียกน้อยกว่าคนอื่นๆ เพราะ “องครักษ์ประจำตัวฉัน ไม่ยอมให้ฉันเปียกเลย ..ตรงไหนน้ำลึกๆ ก็ยกฉันจนตัวลอยพ้นน้ำเลย” (องครักษ์ประจำพระองค์ : ทรงหมายถึง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่โดยเสด็จพระราชดำเนินในวันนั้น) 3-4 ชั่วโมงในป่าพรุ เต็มไปด้วยเสียงย่ำน้ำ เสียงหายใจหอบ (ของตัวเอง) และเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็น ระยะๆ เมื่อคนใดคนหนึ่งในคณะ ก้าวพลาดลงไปในน้ำที่กะความลึกไม่ได้ (เสียงหัวเราะจะดังเป็นพิเศษ เมื่อมีใครจมน้ำลงไปในระดับเกือบศีรษะ) ช่างภาพตามเสด็จฯ เอาชีวิตรอดกลับมาได้ พร้อมกล้องแห้งๆ แต่เสื้อผ้าสีน้ำตาลที่ใส่ไปวันนั้นหลายเป็นสีดำสนิท …หมดทางซัก”

ขอขอบคุณ : เฟซบุ๊ก Napan Sevikul

#เล่าขานพระลาน
#เรื่องเล่าประทับใจ
#ทรงอุ้มสมเด็จแม่













ติดตามข่าวสารและกิจกรรมเทิดทูนสถาบันได้ที่
Website : http://www.phralan.in.th
Facebook: https://www.facebook.com/phralanofficial/